ธุรกิจโลจิสติกส์ (Logistics) ที่กลับมาเฟื่องฟูหลังจากซบเซาจนห่างหายไปในช่วงสถานการณ์โรคระบาด อันเป็นเหตุให้เศรษฐกิจชะงัก ผู้คนติดแหง็กอยู่ในบ้าน การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้า
ทว่าพอผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปแล้วเข้าสู่สถานการณ์ปกติ การจับจ่ายใช้จ่ายสอยและบริโภคสินค้าหลากประเภทก็กลับมากระเตื้องอย่างบ้าคลั่ง เป็นที่มาให้เราได้สืบสาวไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และ Warehouse Equipment ธุรกิจที่เป็นเส้นโยงใยให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อกันในทุกความต้องการ
ว่าแล้วเพื่อให้สืบสาวได้ครบในทุกประเด็นเราจึงตัดสินใจหอบเอาทุกความสงสัยมาให้ Material World บริษัทนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์และ Warehouse Equipment ที่เปิดออฟฟิศรวมถึงคลังนวัตกรรมครบวงจรย่านนทบุรีต้อนรับให้เราได้มาร่วมวงสนทนากับ คุณปวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง Group Director และ คุณวัสวัน เอี่ยมเจริญยิ่ง Assistant Managing Director บริษัท แมททีเรียล เวิลด์ จำกัด แล้วปิดจบด้วยการเดินชมคลังนวัตกรรมที่เชื้อเชิญให้มาสัมผัสในงานสถาปนิก’67
Logistics and Warehouse Equipment หลากคาแรกเตอร์
จุดสตาร์ทที่มาจากผลิตภัณฑ์ในด้านโลจิสติกส์แล้วเติบโตมาเรื่อย ๆ จนเรียกว่าประสบความสำเร็จในตลาดอุตสาหกรรม ตลอดจนกลุ่มที่อยู่อาศัย ทำให้เราได้มองเห็นคาแรกเตอร์ที่หลากหลายของนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์และ Warehouse Equipment ทั้งในด้านฟังก์ชันที่ครอบคลุมอย่างครบวงจรและการออกแบบที่เอื้อต่อลูกค้าทุกกลุ่ม ฉะนั้นเราจึงไม่รอช้าที่จะยิงคำถามและข้อสงสัยให้คุณปวันและคุณวัสวันได้เคลียร์ในทุกประเด็น
Feedback จากลูกค้าในงานสถาปนิก’66 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
คุณวัสวัน: เราคิดว่ามันเป็นไปในทิศทางบวก เมื่อลูกค้าเข้ามา เราก็จะเห็นเทรนด์ที่ลูกค้าต้องการซึ่งเราสามารถนำมาต่อยอดกับผลิตภัณฑ์ของเราให้ตอบโจทย์ลูกค้าหรือสิ่งที่เขามองหา
คุณปวัน: ด้วยความที่เป็นช่วงหลังโควิดตลาดมันก็เริ่มเปิดขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปีแรกที่คนออกมาเดินงาน Exhibition มากขึ้น มันทำให้ได้เห็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการในตลาด ได้เห็นสิ่งที่เรายังบกพร่องไป พอได้เจอลูกค้ามันก็เหมือนการโต้ตอบกัน มันทำให้เราเติมเต็มมากขึ้น จนมาปีนี้เราตัดสินใจว่าเราน่าจะมีอะไรที่ตอบโจทย์และเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น
ลูกค้ากลุ่ม Industrial และกลุ่ม Residential มีความแตกต่างกันไหม?
คุณวัสวัน: จริง ๆ ก็ไม่แตกต่าง ด้วยความที่เราเริ่มเจาะตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะเน้นเรื่องความแข็งแรง ความคงทนของสินค้า ซึ่งข้อดีของมันคือพอเราได้ขยายมาในกลุ่ม Residential จากความแข็งแรงที่เป็นฐานหลักสำคัญของเราอยู่แล้ว เราก็ไปเสริมเรื่อง Design ที่หลากหลาย เพิ่มศาสตร์ด้านสุนทรียภาพให้ตอบโจทย์เหมาะกับบ้านหรือที่อยู่อาศัย
เรื่องดีไซน์มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน?
คุณวัสวัน: ปัจจุบันเราคิดว่ามีความสำคัญมาก คือเราต้องดูเรื่องเทรนด์ของลูกค้า ของสินค้า แล้วนำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์ และดีไซน์ให้เหมาะกับยุคสมัยของคนในปัจจุบัน
เช่น การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้และเชื่อมต่อกับ Garage Door ประตูที่ใช้ในโรงจอดรถ เราได้นำระบบ Smart System ที่ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พิกัดใดบนโลกนี้ก็สามารถมองภาพผ่านแอปพลิเคชัน ทั้งยังสามารถออกคำสั่งเปิด-ปิดประตูได้โดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ถ้าเป็นเรื่องดีไซน์ Panel ของ Garage Door เราก็จะมีทั้งแบบใส แบบทึบ หลากหลายลวดลายและสีให้เลือกสรร รองรับกับทุกดีไซน์ในปัจจุบัน อีกทั้งฟีเจอร์เพิ่มเติม อย่างเช่น การดีไซน์ประตูบานเล็กไว้ด้านใน Garage Door เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่อยากจะเข้า-ออกบ้านโดยไม่ต้องเปิดทั้งบาน ช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานและความสะดวกสบายในการเข้า-ออก
บริษัทมองเรื่อง Safety กับสินค้าด้านโลจิสติกส์อย่างไรบ้าง?
คุณวัสวัน: แน่นอนเราคำนึงถึงเรื่อง Safety เป็นอันดับต้นๆ เสมอ โดยในทุกสินค้าเราได้ออกแบบให้มีชุดอุปกรณ์ safety มาพร้อมกับชุดสินค้ามาตรฐาน เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจและหมดความกังวลเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งจะมาควบคู่มากับการบริการหลังการขายที่เราจะเข้าไปดูแลลูกค้าตลอด 24 ชม. ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งหลักการให้บริการหลังการขายนี้ เป็นหัวใจที่ Material World ยึดถือมาโดยตลอด
บริษัทมองเรื่องการเติบโตของธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบันอย่างไร?
คุณปวัน: จริง ๆ ตอนที่เราเริ่มต้นธุรกิจนี้มาก็มองเห็นเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายคือการขนส่งที่เติบโตเรื่อย ๆ แต่ว่าสภาพเศรษฐกิจตอนนี้คือการส่งออกที่ค่อนข้างตกต่ำ ไม่ดีขึ้นเหมือนเดิม ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของ Material World ที่จะบุกตลาดใหม่ ๆ ที่จำเป็นต้องมีการส่งออกอยู่ เช่น ผักสดและผลไม้ น้ำมันสำเร็จรูป วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์ยางและเม็ดพลาสติก
ในกระแสที่ธุรกิจต่างก็หยิบจับเอาเทรนด์ความยั่งยืนมาใช้ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรม ทางบริษัทมองเรื่องนี้อย่างไร?
คุณวัสวัน: เราให้ความสำคัญกับส่วนนี้มาก ซึ่งเราไม่ได้ทำเป็นเทรนด์แต่เรายึดถือเป็นแนวทางฏิบัติ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการติดตั้งใช้งาน อย่างเช่น ประตู High Speed Door ของเราที่มีฟังก์ชัน Eco Mode หรือว่าโหมดประหยัดพลังงาน ก็คือถ้าเราไม่ต้องการเปิดประตูทั้งบาน เราสามารถเซ็ทตัว Eco Mode ไว้ที่ระดับที่ใช้ประจำ และเพียงแค่กดปุ่ม Eco Mode มันก็จะช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้า การลดโลกร้อนซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับการต่อยอดในงานผลิตสินค้าของเรา และยิ่งเมื่อลูกค้าให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น การพัฒนาสินค้าของเราจึงเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน
ในงานสถาปนิก’67 ทาง Material World มีไฮไลท์เจ๋ง ๆ อะไรมานำเสนอบ้าง?
คุณวัสวัน: เราได้เตรียมกลุ่มประตูครบวงจร ทั้งมีประตู High Speed Door หรือประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติความเร็วสูงที่เราได้ออกแบบรุ่นที่จะสามารถฆ่าเชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อโควิดในอากาศได้ นอกเหนือจากนี้ ยังมี Garage Door ที่เป็น Panel แบบใส และตัวที่มีประตูเล็กอยู่ด้านในไปโชว์ที่งานสถาปนิก’67 เพราะเดี๋ยวนี้กลุ่มคนรักรถก็มีค่อนข้างเยอะ
มีอะไรอยากฝากถึงคนในวงการก่อสร้างที่จะมาชมงานไหม?
คุณวัสวัน: เราอยากให้กลุ่มวิศวกร ผู้รับเหมา หรือก็เรียกว่าทุก ๆ กลุ่มเข้ามาที่งานสถาปนิก เพราะเราคิดว่าในแต่ละปีมันก็มีความแตกต่างกันออกไป แล้วภายในงานก็จะมีอะไรใหม่ ๆ มาให้อัปเดตอยู่เสมอ แล้วเราก็ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าของ Material World ที่บูธหมายเลข S109
แล้วอย่าลืมมาพบกันที่งานสถาปนิก’67 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี