คุณภาพที่ยืนยง วงจรชีวิตที่ยั่งยืน: Thai-German Decor กับวัสดุปูพื้นที่บอกเล่าความยั่งยืนผ่าน Life Cycle ที่ยืนยาว ในงานสถาปนิก’67

ร่วมปลุกกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับวงการออกแบบ-ก่อสร้าง ร่วมสร้างจุดยืนที่มั่นคงบนหลัก ‘ความยั่งยืน’ จากการบอกเล่าเรื่องราวของนวัตกรรมที่มายกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค

     แล้วคำว่า ‘ความยั่งยืน’ นี้นักอ่านแต่ละท่านให้ความหมายกับมันว่าอย่างไร สำหรับผู้เขียนเองจากที่ได้นั่งสัมภาษณ์เพื่อค้นหาตัวตนของแต่ละแบรนด์ ซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการออกแบบ-ก่อสร้าง ก็คงจะขยายขอบเขตของการนิยามคำว่าความยั่งยืนได้อย่างอนันต์ เพียงแต่หนึ่งจุดที่ซ้อนทับกันบนเรื่องราวจากผู้ประกอบการหลากหลายทรรศนะ คือ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะในหนทางใด

     ก็เป็นเช่นเดียวกันกับบทสัมภาษณ์ฉบับนี้ แม้ในภาพรวมเราจะเดินเข้าสู่โลกของวัสดุก่อสร้าง บอกเล่าถึงคุณสมบัติ จุดเด่น และความพิเศษของนวัตกรรม ทว่าในอีกขณะหนึ่ง เราได้ดึงเอาตัวตนและความรู้สึกนึกคิดของแบรนด์ที่จะจับจูงมือให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคในทุก ๆ วงการฉายสปอตไลต์ให้กับ ‘ความยั่งยืน’

     Thai-German Decor บริษัทนำเข้าวัสดุปูพื้นสำเร็จรูปคุณภาพสูงจากยุโรปและผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตพรีเมียมแบรนด์ KRONOTEX จากเยอรมนี ที่เราได้ร่วมวงสนทนาอันเรียบง่ายและเป็นกันเองกับ คุณเอิง-ศิริญญา สุทธพงศ์ Business Development and Marketing Manager บริษัท ไทย-เยอรมัน เดคคอร์ จำกัด ซึ่งจะให้คำตอบกับเราว่า ความยั่งยืนในวงจรชีวิตที่ยืนยาวนั้นเป็นอย่างไร

เริ่มต้นวอร์มอัพที่งานสถาปนิก’66 ด้วย ‘COREPEL’

ก่อนจะดึงผู้อ่านเข้ามาในใจความหลักที่เพิ่งเกริ่นไปของบทสัมภาษณ์ฉบับนี้ เราขอเปิดบทสนทนาด้วยการปักในประเด็นที่ถามถึง Feedback จากลูกค้าในงานสถาปนิก’66 ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าใครที่ชื่นชอบในการเลือกสรรวัสดุตกแต่งพื้นที่มีหลากหลายรูปแบบในท้องตลาด คงจะมีบ้างที่เดินไปแวะเวียนที่บูธของ Thai-German Decor

     “งานสถาปนิก’66 ที่ผ่านมาที่เราได้เปิดตัวสินค้าใหม่อย่าง COREPEL ซึ่งเป็นพื้นไม้ผสมเรซินกันน้ำ เราพบว่า Feedback จากลูกค้าภายในงานค่อนข้างดี ตั้งแต่ในส่วนของโครงการแล้วก็ลูกค้าปลีกทั่วไป โดยเฉพาะลูกค้าปลีกทั่วไปถือว่าดีมาก

ทางทีมเองก็ได้รับ Feedback ของตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อนำความคิดเห็นของตลาดเอเชียไปปรึกษากับทางโรงงาน ในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่อไป”

นวัตกรรมที่โดดเด่น แหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ

     เมื่อกล่าวถึงวัสดุปูพื้นเราจะเห็นได้ว่ามีหลากหลายแบรนด์ที่กำลังแข่งขันกันในตลาด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรจนสามารถสอดรับกับความต้องการได้อย่างไม่จำกัด ฉะนั้น การที่จะผันตัวเป็นนวัตกรรมที่ต้องตาต้องใจผู้บริโภคหลายกลุ่มในท้องตลาด การสร้างจุดเด่นเพื่อพัฒนาให้เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคจึงเป็นอะไรที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัท Thai-German Decor

     “อย่างแรกเลยคือผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้ง COREPEL และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต KRONOTEX หรือว่าพื้นปลอดภัย SAFETY FLOOR ทุกอย่างเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากโรงงานที่ได้มาตรฐานระดับโลกและมีแหล่งผลิตอยู่ที่ยุโรป”

     จากนั้นคุณเอิงจึงเล่าต่อถึงการร่วมพูดคุยกับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธแสดงสินค้าภายในงานสถาปนิก’66 ที่ผ่านมา เราก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อเพื่อมาบอกต่อผู้อ่านว่าเพราะอะไรนวัตกรรมของ Thai-German Decor ถึงได้โลดแล่นในอุตสาหกรรมก่อสร้างมาถึง ณ ปัจจุบันนี้ แล้วเราก็ได้คำตอบแบบสรุปสั้น ๆ มา 2 ข้อ คือ

  1. เรื่องนวัตกรรม คุณเอิงเล่าถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่มีต่อกลุ่มนักออกแบบ เพราะการใช้นวัตกรรมมาเป็นตัวช่วยในการแก้ไขปัญหา Pain Point อย่างตรงจุด สามารถทำให้การทำงานของนักออกแบบราบรื่นยิ่งขึ้น
  2. แหล่งผลิต ข้อนี้เราคิดว่าค่อนข้างจะมีผลต่อการเลือกบริโภคสินค้าแต่ละประเภท และในกรณีของลูกค้าของ Thai-German Decor ก็นับเป็นจุดสำคัญ

     คุณเอิงได้ยกตัวอย่างให้เราได้ฟังว่า “COREPEL ที่เป็นสินค้า Flagship ที่เปิดตัวในงานสถาปนิก และเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตัวนวัตกรรมเป็นนวัตกรรมลิขสิทธิ์จากโรงงานในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งลูกค้าหลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะลูกค้าปลีกค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องแหล่งผลิต เพราะว่าเขาเลือกซื้อสินค้าเข้าบ้านเอง แล้วก็ควบคู่มากับเรื่องนวัตกรรมที่ต้องตอบโจทย์การใช้งานของเขา”

เจ้าของบ้าน กับ นักออกแบบ: ความแตกต่างในฐานะผู้บริโภค

     เมื่อมองเห็นจุดเด่นของนวัตกรรมของ Thai-German Decor กันไปแล้ว ขยับลงลึกอีกนิดต่อจากประเด็นที่แล้ว เราขอถามถึงความแตกต่างระหว่างลูกค้ากลุ่ม End User และนักออกแบบ ในการมองหาผลิตภัณฑ์สักชิ้นว่าเขามีความต้องการอย่างไรบ้าง

     “ลูกค้ากลุ่ม End User เขาก็จะมองเรื่องความสวยงาม รูปแบบ สีสัน และลวดลายมาเป็นอันดับแรก ทว่าการเลือกสรรนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งาน และที่สำคัญซ่อมบำรุงง่ายก็เป็นอีกสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญ ซึ่งสินค้าของเราก็สามารถตอบโจทย์ในประเด็นนี้ทั้งในเรื่องของผิวหน้าที่กันรอยขีดข่วน แข็งแรงทนทาน กันน้ำกันปลวก”

     แต่ในมุมของผู้ออกแบบมักจะมองในหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีสัน ลวดลาย ความสวยงาม โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับเทรนด์การออกแบบในแต่ละช่วงเวลา

     ประเด็นต่อมาคือเรื่องของนวัตกรรม เมื่อนักออกแบบเข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้เฟ้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า การเลือกใช้นวัตกรรมที่มีความทันสมัย ตอบโจทย์งานออกแบบ และความต้องการของลูกค้า จึงเป็นสิ่งที่นักออกแบบเก็บเข้าในลิสต์ในงานดีไซน์

     และสุดท้ายคือเรื่องของราคา อาจฟังดูไม่ได้น่าตื่นเต้นเมื่อเทียบกับเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกและเทคโนโลยี แต่เมื่อการทำงานที่ถูกบีบรัดด้วย Budget การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดก็กลายเป็น Task สำคัญของนักออกแบบ

วงจรชีวิตที่ ‘ยืนยาว’ ในโลกแห่ง ‘ความยั่งยืน’

     เราจะมาเริ่มในประเด็นของ ‘ความยั่งยืน’ กันแบบจริงจังแล้วหลังจากที่พูดถามตอบในเรื่องผลิตภัณฑ์ของ Thai-German Decor กันไปจนเห็นภาพรวมที่ซุกซ่อนจุดเด่นกันแล้ว

     เป็นที่เข้าใจว่านักอ่านบางท่านอาจมองเห็นคำตอบของวัสดุปูพื้นกับความยั่งยืนกันบ้างแล้ว แต่เราก็คงยืนยันคำเดิมว่า เราก็อยากเจาะในมุมมองนี้ที่มาจากเลนส์ของผู้ประกอบการว่าเขาคำนึงถึงประเด็นดังกล่าวในทิศทางใดบ้าง

     “นับตั้งวันที่ก่อตั้งบริษัทมาเรานำเข้าวัสดุทดแทนอยู่แล้ว ตั้งวันแรกเรานำเข้าพื้นไม้ลามิเนต เป็นวัสดุทดแทนไม้จริง เพราะเดิมทีพื้นไม้ลามิเนตมันเริ่มต้นมาจากยุโรป เขามองถึงเรื่อง Sustainability ตั้งแต่เกือบ 30 ปีที่แล้ว แต่ถ้าเขาเอาต้นไม้นั้นมาแปรรูปแล้วใส่วัสดุเพิ่มเติมเพื่อให้คุณสมบัติของมันดีขึ้นในแง่ของความคงทน ความง่ายของการติดตั้ง มันอาจจะทำอะไรได้มากกว่านั้น”

แล้ว Thai-German Decor นิยามคำว่า Sustainability ไว้ในแง่ใด

     “Sustainability บางคนอาจจะนิยามในมุมของ Raw Material (วัตถุดิบ) ที่นำมาใช้ในกระบวนการผลิต เรามองว่ามันก็ใช่ในส่วนหนึ่ง ทว่าในอีกจุดหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามไป คือ เรื่อง Life Cycle ของวัสดุที่ยืนยาวก็เป็นอะไรที่ยั่งยืนต่อโลกได้

     อย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีลูกค้าที่ปูพื้นด้วย KRONOTEX ซึ่งเป็นสินค้าของบริษัทเรา แล้วปูไปตั้งแต่ประมาณ 20 ปีที่แล้ว เขาจะรีโนเวทชั้น 2 เพราะเขาเชื่อว่าสินค้าตัวนี้มันมีอายุขัยที่ยาวนาน

     ฉะนั้น Sustainability ก็จะมีทั้งแง่ของวัสดุที่นำมาใช้ และ Life Cycle ของสินค้า ถ้า Life Cycle มันยืนยาวแปลว่าเราสร้างขยะให้โลกนี้ได้น้อยลง”

ความเปลี่ยนแปลงที่ผันแปรตามความต้องการของผู้บริโภค

 “ณ ตอนนี้เทรนด์มันเปลี่ยนเร็วมาก ในมุมมองจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาของเรา คือ มีลูกค้าหลายคนที่เข้ามาพูดคุยกับเราด้วยโจทย์ที่หลากหลาย แต่ตอนนี้สิ่งที่มันเปลี่ยนไปจากที่สังเกตได้ คือ คนลงทุนกับบ้านเยอะขึ้น และอยากจะหาอะไรที่ใช้ได้นาน

     ฉะนั้น เราก็เลยมองว่าวัสดุตกแต่งบ้านไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอก คุณภาพต้องมาก่อน และมันก็เป็นอะไรที่ยั่งยืนทั้งกับตัวลูกค้าและบริษัทเอง”

     อีกหนึ่งอนาคตที่เรามองเห็นคือการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ผู้เขียนเห็นว่า มันอาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อและเลือกใช้สินค้าให้เหมาะกับกลุ่มผู้สูงวัยและเพื่อลูกหลานในอนาคต แล้วยิ่งเป็นวัสดุปูพื้นก็ยิ่งมีความสำคัญ ณ ช่วงเวลานี้

     “สำหรับ Thai-German Decor แล้ว กลุ่มลูกค้าที่ให้สำคัญกับผู้สูงวัยมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ ผู้สูงวัยที่ซื้อสินค้าให้กับตัวเอง และผู้สูงวัยที่ทำบ้านให้ลูกหลาน ซึ่งเราก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้สูงวัยอย่าง SAFETY FLOOR ที่เป็นพื้นกันลื่น ลดแรงกระแทก แล้วก็ผลิตภัณฑ์ที่เราคัดสรรมาอย่าง COREPEL ที่ผิวหน้ามีค่ากันลื่นระดับ R10 ใกล้เคียงกับกระเบื้องบางชนิด ซึ่งนับว่ามีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันการลื่นล้ม หรือว่าอุบัติเหตุภายในบ้าน”

     นอกจากความพิเศษด้านพื้นผิวของ COREPEL อีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ คือ การใช้ส่วนประกอบจากไม้ธรรมชาติกว่า 50% ซึ่งเป็นไม้ที่มาป่าที่ปลูกด้วยระบบการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังผ่านการทดสอบการปล่อยสารระเหยสู่บรรยากาศภายในอาคารระดับโลก คือ FloorScore, Greenguard Gold, VOC A+ และ CARB2 เป็นการลดความเสี่ยงจากอันตรายของสารระเหย ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าการเลือกใช้ COREPEL จะเป็นมิตรกับสุขภาพในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือระบบทางเดินหายใจ

นวัตกรรมใหม่ที่ชวนสัมผัสในงานสถาปนิก’67

          บริษัท ไทย-เยอรมัน เดคคอร์ จำกัด พร้อมเปิดตัว COREPEL รุ่นใหม่ ด้วยนวัตกรรมพื้นผิวหน้าไม้จริง สัมผัสความเป็นธรรมชาติมากกว่าที่เคยได้ที่บูธหมายเลข F205 ในงานสถาปนิก’67 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรม และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36  ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี