ลามิเนต ถือเป็นวัสดุปิดผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยความสวยงามที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการ ลวดลาย สี และผิวสัมผัสมีความคล้ายคลึงกับวัสดุธรรมชาติ เมื่อความนิยมเพิ่มมากขึ้น ผู้ประกอบการด้านการผลิตหรือนำเข้าลามิเนตก็มีมากขึ้นเช่นเดียวกัน
LSX หนึ่งในบริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุปิดผิว ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ท่ามกลางการแข่งขันที่มีความเข้มข้นในท้องตลาด ทำให้ LSX ไม่หยุดยั้งในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ จากความเชื่อที่ว่า “พื้นที่ที่พิเศษ เริ่มจากวัสดุที่สร้างสรรค์ ดังนั้นเราจึงไม่หยุดตามเทรนด์ และพัฒนาวัสดุปิดผิวตกแต่ง เพื่อให้เหนือกว่าการออกแบบอย่างไร้ขอบเขต”
ถือเป็นการตั้งมั่นในความเชื่อที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์ที่มีคู่แข่งในท้องตลาดสูง เมื่อมีโอกาสในการแลกเปลี่ยนทางความคิด จึงนำมาซึ่งการตั้งคำถามถึงแง่มุมหรือแนวคิดต่าง ๆ จากประสบการณ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุปิดผิวที่มีอย่างยาวนาน
นิยามสะท้อนตัวตน LSX
คุณเกรียงไกร เตียนโพธิ์ทอง ผู้บริหาร บริษัท แอลเอสเอ็กซ์ จำกัด บอกเล่าถึงจุดยืนทางแนวคิดที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ว่า “LSX พัฒนาผลิตภัณฑ์วัสดุปิดผิวภายใต้แนวคิด Laminate Something Extra โดยใส่ใจในทุกๆรายละเอียดและยังได้แบ่งปันเรื่องราวของพื้นผิวที่มีความหลากหลายและแปลกใหม่ในงานดีไซน์”
จากคำบอกเล่าดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่านอกจากความสวยงาม ผลิตภัณฑ์ของ LSX ยังได้รับความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่หลากหลาย ผ่านพื้นผิวของวัสดุที่มีความแตกต่างกันตามส่วนผสมนั้น ๆ ซึ่งพื้นผิวดังกล่าวให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการสัมผัสวัสดุจากธรรมชาติเป็นอย่างมาก
การพัฒนาภายใต้แนวคิดความยั่งยืน
แม้ลามิเนตจะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าส่วนผสมสำคัญที่ทำให้ลามิเนตมีความใกล้เคียงวัสดุธรรมชาติ คือการใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติผสมอยู่ โดยอัตราส่วนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต และเมื่อกระบวนการผลิตมีความเกี่ยวโยงกับวัสดุธรรมชาติ ทำให้เราเกิดการตั้งคำถามถึงแนวคิดเรื่องความยั่งยืนว่ามีผลต่อการการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือไม่
คุณเกรียงไกรกล่าวว่า “เราได้ยึดหลักแนวคิดของ Sustainability โดยเราเข้าใจถึงความสำคัญของการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นั่นคือการคัดเลือกวัสดุที่มีทั้งคุณภาพและมีดุลยภาพในด้านสิ่งแวดล้อมทั้งในด้านวัสดุและกระบวนการผลิต เริ่มจากการเลือกใช้วัสดุที่ Renewability ไปจนถึงการเลือกใช้วัสดุ และ Package ที่สามารถรีไซเคิลได้หลังจากใช้งาน เพื่อลดปริมาณขยะ รวมถึงการลดการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติสูงเช่น ไม้ยืนต้นหรือทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่สามารถทดแทนได้ LSX ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้พลังงานและการประหยัดทรัพยากร ลดการใช้สารเคมีอันตราย และตั้งใจสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าให้เกิดความเข้าใจและรับรู้ถึงวิธีการเลือกใช้วัสดุดีไซน์ที่มีความยั่งยืน”
จุดแข็งในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายแบบฉบับ LSX
นอกจากแนวคิดในการพัฒนาที่เปรียบเสมือนจุดแข็งของ LSX ดีไซน์ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามเพราะถือเป็นปราการด่านแรกในการดึงดูดใจลูกค้าที่บริษัทให้ความสำคัญ “ลูกค้าของเราส่วนใหญ่เป็นนักออกแบบและผู้ที่สนใจในงานออกแบบ ที่ค้นหาการตกแต่งที่ไม่เหมือนใคร โดยเราคัดสรรค์ลวดลายที่มีความทันสมัย การออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบัน เรานำประสบการณ์จากการเข้าร่วมงานสถาปนิกที่ผ่านมา นำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์ ทำให้ LSX เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจรายละเอียดในการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม”
เส้นทางระยะยาวในการเติบโตทางธุรกิจ
เป็นที่ทราบกันดีว่าการก่อตั้งบริษัทที่ทำการผลิตและนำเข้าลามิเนตในปัจจุบัน มีให้เห็นอย่างแพร่หลาย จึงทำให้เราอยากทราบถึงวิธีการรับมือการแข่งขันทางธุกิจ ทั้งจากภายในและต่างประเทศ โดยคุณเกรียงไกรได้คลายข้อสงสัยดังกล่าวว่า “แม้ลามิเนตจะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง แต่เราก็มีวิธีการรับมือกับการแข่งขันนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ เราจึงลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาการใช้เทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมที่มีความยั่งยืนซื่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่อธุรกิจ ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปยังบริการ การรักษาสัมพันธ์กับลูกค้า ฉนั้นการเข้ามาของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จึงอาจไม่ส่งผลต่อธุรกิจมากนัก”
ไฮไลท์พิเศษและความคาดหวังในงานสถาปนิก’67
LSX พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ภายในงานถึง 5 คอลเลกชัน รวมถึง AICA คอลเลกชัน โดยคาดหวังให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จัก พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ ๆ ร่วมกับผู้ที่มาเข้าชมที่บูธหมายเลข F409 ในงานสถาปนิก’67 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
