หากกล่าวถึง “ลามิเนต” หลายคนคงนึกถึงวัสดุปิดผิว ที่มีสีสัน ลวดลาย เลียนแบบธรรมชาติ แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาด้านนวัตกรรม ทำให้ลามิเนตมีรูปแบบ ลวดลาย เอกลักษณ์เฉพาะตัว และคุณสมบัติที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้บริโภค
ร่วมสำรวจความสามารถและความเป็นเอกลักษณ์ที่ปิดไม่มิดของลามิเนต โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุปิดผิว คุณ วิเชียร อัศววรฤทธิ์ – กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีเอเค โพรดัคส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท ดับเบิ้ลยูจี จำกัด ที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้พร้อมอธิบายถึงความสามารถของลามิเนตแบรนด์ต่าง ๆ ภายใต้การนำเข้าของ TAK
เอกลักษณ์เฉพาะด้านที่ตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับคนที่รู้จัก TAK & WG คงทราบกันดีว่าบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายลามิเนตเพื่อการตกแต่งภายในถึง 6 แบรนด์ นอกจากจะแตกต่างกันในด้านของแหล่งที่มาแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น โดยคุณวิเชียร ได้ไล่เรียงถึงการนำเข้าแบรนด์ลามิเนต และคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละแบรนด์ว่า “บริษัทจำหน่ายสินค้าประเภทวัสดุตกแต่งพื้นผิวภายใน จาก 2 บริษัท คือ TAK & WG ที่เรียกว่าแผ่นลามิเนต หากย้อนกลับไปในช่วงปีที่ก่อตั้ง บริษัทได้นำเข้าแบรนด์ ลามิแทค เข้ามาในประเทศเพียงแบรนด์เดียว แต่จนถึงปัจจุบัน ได้ขยายขอบเขตธุรกิจ และนำเข้าสินค้าภายใต้บริษัทถึง 6 แบรนด์ โดยแต่ละแบรนด์มีจุดเชื่อมโยงกันกับวิสัยทัศน์ของเราที่ต้องการเป็นผู้นำด้านวัสดุปิดผิวเพื่อการตกแต่งภายใน ที่คลอบคลุมทั้งความสวยงามและคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน”
โดยภายในกลุ่มบริษัท TAK & WG ได้มีการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าเป็นประเภทดังนี้
ประเภทแผ่นลามิเนต
Lamitak: นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ มีจุดเด่นที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องของลายไม้เสมือนจริง ลวดลายหินธรรมชาติ และสีพื้น ประกอบด้วยทั้งหมดมากกว่า 423 รูปแบบ เสริมสร้างอิสระด้านการออกแบบ ทำให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน
Dekodur: นำเข้าจากประเทศเยอรมันมีความโดดเด่น คือ พื้นผิวโลหะสามารถใช้งานทดแทนโลหะจริง หรือสแตนเลสได้ โดยมีตั้งแต่ผิวสัมผัสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของธรรมชาติอันสวยงาม เช่น คลื่นลม คลื่นน้ำ การเลื่อนไหลของลาวา หรือพื้นผิวปากปล่องภูเขาไฟเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและการใช้งาน เช่นรุ่น magnetic series ที่นำไปใช้งานแทนกระดานแม่เหล็ก หรือไวท์บอร์ดได้ นิยมใช้กับงานออกแบบที่ต้องการความล้ำสมัย หรูหรา และใช้งานได้
O2+: แบรนด์น้องใหม่ที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี นำเสนอแผ่นลามิเนตด้วยคาเรกเตอร์สนุกสนาน มีสีสันและลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายเสมือนหนังแท้ ลายไม้ทำสี และที่น่าสนใจที่สุดคือลายเสมือนผ้ากำมะหยี่ที่ดูอ่อนนุ่ม คอลเลกชั่นภายใต้แบรนด์โอทูพลัสมาพร้อมพื้นผิวที่หลากหลาย สัมผัสนุ่มสบายมือ และมีฟังก์ชันที่ครอบคลุมการใช้งานอย่างเช่น ลดรอยนิ้วมือ กันรอยขีดข่วน ทนต่อสารเคมี และป้องกันแบคทีเรีย เป็นต้น
ประเภทแผ่นหน้าบานสำเร็จรูป
ALVIC: หน้าบานไม้สำเร็จรูปที่นำเข้าจากประเทศสเปน มีลักษณะเป็น Lacquer panel ที่มีการเคลือบผิวชนิดพิเศษด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของแบรนด์ มีทั้งแบบทั้งเงาและด้าน ให้ความสวยงามคงทนต่อความร้อนและรอยขีดข่วน ในต่างประเทศนิยมใช้กับเฟอร์นิเจอร์ครัว หน้าบานตู้ หรืองานตกแต่งผนังที่ต้องการสร้างความแตกต่างในเรื่องของความเงางามและเนื้อผิวแบบด้าน ที่ให้ผิวสัมผสนุ่มนวลมากกว่าวัสดุอื่น ๆ ทั่วไป
FORESCOLOR: นำเข้าจากประเทศเกาหลี วัสดุเป็น High Density MDF เกรดพิเศษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีค่าการปล่อยสารฟอร์มาดิไฮด์ที่ E-0 (E-Zero) ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน โดยสามารถปรับใช้ในงานออกแบบได้หลากหลายเพราะมีสีสันที่สม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น ไม่ว่าจะเป็นการตัด CNC เป็นรูปร่างต่าง ๆ การประกบซ้อนแผ่นเพื่อให้เกิดสีสัน หรือผสมผสานการออกแบบกับแผ่นสามิเนตเพื่อให้งานออกแบบดูมีมิติและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
AKUS: แผ่นซับเสียงคุณภาพสูง ที่มาพร้อมลวดลายและฟังก์ชันการใช้งาน เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่คิดค้นโดยบริษัทดับเบิ้ลยูจี จำกัด โดยมีต้นกำเนิดจากการพัฒนาต่อยอด แผ่น HDF ของ Forescolor สร้างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ มาผสมกับลามิเนตที่มีหลากหลายลาย มีให้เลือกมากถึง 7 แบบ และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมอันดับ 2 จากงานสถาปนิกในปี 65 อีกด้วย”
TAK & WG เดินตามแนวคิดความยั่งยืนอย่างมีคุณภาพ
แม้จะมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม แต่เชื่อว่าสิ่งที่หลายคนกังวลต่อการเลือกใช้ลามิเนต ปัจจัยหลักมาจากความกังวลด้านสารเคมีตกค้างที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งคุณวิเชียรให้ข้อมูลในด้านนี้ว่า “ผลิตภัณฑ์หลายชิ้นของแบรนด์ พัฒนาตามหลักแนวคิดความยั่งยืน ยกตัวอย่าง Forescolor เป็นสินค้าที่มาจากป่าปลูกหมุนเวียน และเป็นสินค้าเกรด E-ZERO ด้านการงดปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์ในกระบวนการผลิต การปล่อยสารดังกล่าวถือว่าต่ำมาก หากเทียบจากเกรด Vision Zero ซึ่งปัจจุบัน MDF ที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะอยู่ที่ระดับ E-1 หรือ E-2 ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้พักอาศัยภายในบ้าน
หรือ แบรนด์ ลามิแทค (Lamitak) ตัวผลิตภัณฑ์ยังได้รับการยอมรับในระดับสากลภายใต้ตรา GREENGUARD และ GREENGUARD Gold สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยสารพิษต่ำในขั้นตอนการผลิต และช่วยลดมลภาวะให้กับพื้นที่ในบ้าน
ยิ่งกว่านั้น Lamitak ยังมุ่งหน้าต่อสู่เป้าหมายการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ให้น้อยลง โดยให้ความใส่ใจในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการผลิตเล่มโดยใช้กระดาษที่ได้รับการรับรอง FSC หรือกระดาษที่ทรัพยากรได้จากป่าที่มีการบริหารจัดการที่ดีมาใส่ประกอบเพื่อนำเสนอให้เห็นลายของไม้ในขนาดที่ใหญ่ขึ้น อำนวยความสะดวกให้นักออกแบบได้เห็นลายไม้ได้เด่นชัด ทั้งหมดนี้ เพื่อให้ทั้งต้นน้ำและปลายน้ำของผลิตภัณฑ์ลามิเนต มีแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจ”
TAK กล้าต่าง กล้าพัฒนา สู่การเติบโต
ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้าถึงทุกพื้นที่ การค้นหาผลิตภัณฑ์ หรือเลือกซื้อสินค้าเกิดขึ้นได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ แต่คุณวิเชียรกลับมองว่าลามิเนต เป็นสิ่งที่หากจะเลือกซื้อหรือเข้าใจใน Product ต้องได้ลองสัมผัสผลิตภัณฑ์จริง จึงนำไปสู่การเปิดโชว์รูม “Space Studio” เพื่อให้ผู้ที่สนใจในด้านการออกแบบได้เลือกชมผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง
“บริษัทเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเห็นผลิตภัณฑ์จริง เพราะการเลือกสินค้าผ่าน Catalogue มุมมองการรับรู้มีเพียงชิ้นตัวอย่างเพียงชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น บริษัทเห็นปัญหาด้วยข้อจำกัดด้านขนาด จึงตัดสินใจเปิดโชว์รูมให้ลูกค้ามาดูผลิตภัณฑ์ที่เป็นขนาดเต็มแผ่น และให้ได้ลองสัมผัสความแตกต่างบนพื้นผิวของวัสดุได้เอง สะดวกต่อการตัดสินใจยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้บริษัทมองว่าวัสดุลามิเนตเพื่อการตกแต่งภายในทุกแบรนด์ที่จัดแสดงเลือกชมที่โชว์รูม ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทมีการพัฒนาคิดค้นทั้งด้านรูปแบบสีสัน รวมไปถึงฟังก์ชั่นใช้งานให้ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทำให้บริษัทเติบโต เพราะบริษัทเข้าใจในงานออกแบบ มีการปรับปรุงและพัฒนาสินค้านำเข้า จัดจำหน่ายวัสดุที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
มุมมองสะท้อนความต้องการต่องานสถาปนิก’67
นับถอยหลังสู่งานสถาปนิก ผู้แสดงสินค้าต่างเตรียมความพร้อม ในการนำเสนอนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ ภายใต้ความต้องการที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า TAK & WG มีความคาดหวังต่องานสถาปนิก’67 ให้เป็นไปในทิศทางใด
“บริษัทต้องการให้เกิดการร่วมพัฒนาการโชว์สินค้า ส่งเสริมภาพลักษณ์ รูปแบบของบริการที่ดี และต้องการให้ลูกค้าทุกคนที่เข้าชมงานได้แนวคิดใหม่ ๆ หรืออะไรบางสิ่งกลับไปต่อยอด ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาบ้านหรืองานออกแบบของตัวเองได้ บริษัทมองว่าเพียงแค่ได้ชมความสวยงามของนวัตกรรม ก็ถือเป็นความรู้อย่างหนึ่ง เพราะได้เห็นแนวโน้มของเทรนด์ว่าเป็นไปในทิศทางใดแล้ว ยังสามารถเข้าใจถึงแก่นแท้และความสามารถของวัสดุที่เป็นได้มากกว่าการตกแต่งอีกด้วย”
ชวนสัมผัสนวัตกรรมที่พร้อมนำเสนอในงานสถาปนิก’67
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชื่นชมนวัตกรรมของ TAK “บริษัทมีความพยายามอย่างยิ่งในการเพิ่มฟังก์ชันการนำเข้าแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการการใช้งานของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบ เจ้าของบ้าน หรือรวมไปถึงเจ้าของโปรเจคต์ อยากให้เข้ามาชมจะได้เห็นและสัมผัสวัสดุ รวมถึงประโยชน์การใช้งานที่หลากหลาย
“ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอในปีนี้จากแบรนด์ O2+ คือ Features เป็นลามิเนตที่มีทั้งลายที่สนุกสนานไม่เหมือนใคร และผิวเรียบ สมูท ช่วยลดรอยนิ้วมือ ที่นำมาเปิดตัวจะเป็นลวดลายใหม่ ถึง 3 คอลเลกชัน และสีใหม่มากกว่า 10 สี นอกจากนี้คือผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ AKUS คือคอลเลกชั่น Tempo และ Zona Sound Absorbing Panels ที่จะมาช่วยเปิดโลกจินตนาการและความเป็นไปได้ในการใช้แผ่นซับเสียงในงานออกแบบอีกด้วย”
พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่บูธหมายเลข F103 ในงานสถาปนิก’67 งานแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างใหญ่ที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 36 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี